เลือกหนังสือเด็ก ให้เหมาะกับวัยของลูก


แรกเกิด – 1 ขวบ
   เด็กอายุยังไม่ถึงขวบ อยากได้ยินเสียงพ่อแม่ เพราะรู้สึกอุ่นใจที่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ จะอ่านหนังสืออะไรให้ลูกฟังก็ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเล่าอะไรมา เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าเป็นหนังสือคำกลอน หรือคำคล้องจอง จะชอบมากเป็นพิเศษ และยังชอบฟังเรื่องราวที่ใช้ภาษาง่ายๆ สั้นๆ ชอบภาพที่มีสีตัดกันอย่างสีขาวดำ

   หนังสือสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรเป็นหนังสือที่มีภาพใหญ่ชัดเจน ต้องผลิตด้วยกระดาษที่หนา มีความคงทน หรือ เป็นหนังสือนุ่มนิ่ม นุ่มนวลละมุนมือ แต่ต้องทำความสะอาดได้ง่าย เพราะเด็กวัยนี้ชอบเลีย ชอบกัดหนังสือ ชอบเอาของทุกอย่างเข้าปาก
หนังสือแนะนำ : หนังสือผ้า หนังสือพลาสติก หนังสือบอร์ดบุ๊ค


1-2 ขวบ
   เมื่อย่างเข้าสู่วัยนี้ เจ้าตัวเล็กเริ่มเรียนรู้เรื่องเหตุและผล เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อเรื่องกับภาพได้ และเริ่มเข้าใจความหมายที่พ่อแม่พูดจากการสังเกตน้ำเสียง ฉะนั้นจึงมีอารมณ์ร่วมกับนิทานที่พ่อแม่อ่านให้ฟังมากขึ้น จดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากขึ้น จึงต้องอ่านช้า ๆ และแบ่งเป็นวรรคสั้น ๆ เพื่อให้ลูกจดจำเนื้อหาง่าย ๆ ได้

   ลูกน้อยวัยนี้เป็นนักสำรวจตัวยง อยากรู้อยากเห็น ชอบทดลองทำนั่นทำนี่ สนใจผู้คนรอบตัว และโปรดปรานสัตว์ทุกชนิด จึงควรหาหนังสือที่มีภาพสัตว์หรือภาพคน มีอักษรตัวโต ๆ มาอ่านให้ฟัง ควรเป็นหนังสือบอร์ดบุ๊คที่ทำจากกระดาษแข็ง ทนทาน เพราะเปิดง่าย ควรปล่อยให้ลูกได้สำรวจหนังสือ และพลิกหน้ากระดาษเอง โดยพ่อแม่แสดงวิธีเปิดหน้าหนังสือที่ถูกต้องให้ดูก่อน ไม่ช้าเจ้าตัวเล็กจะคว้าหนังสือมาพลิกดูซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือไม่ก็ทำท่าอ่านหนังสือให้ตุ๊กตาตัวโปรดฟัง
หนังสือแนะนำ : หนังสือบอร์ดบุ๊ค หนังสือคำกลอน หนังสือภาพขนาดใหญ่



2-3 ขวบ
   ช่วงขวบปีนี้ เจ้าตัวเล็กเรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังพัฒนาทักษะการฟัง พ่อแม่จึงควรหาหนังสือที่มีระดับความยากขึ้นมาจากขวบปีก่อนสักเล็กน้อยแต่เด็กวัยนี้ยังมีช่วงความสนใจสั้นจึงอยู่นิ่ง ๆ ได้เพียงไม่กี่นาที หนังสือจึงต้องมีเนื้อหาไม่ยาวมาก โครงเรื่องไม่ซับซ้อน จำนวนคำน้อยและควรนำเสนอในรูปคำคล้องจองเพราะหนูน้อยวัยนี้กำลังเริ่มพัฒนาทักษะทางภาษา ผ่านภาษาดนตรีที่มีจังหวะ และมีการย้ำคำซ้ำไปซ้ำมา เนื้อหาควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งรอบตัวและกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ที่ลูกสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น การแต่งตัว การแปรงฟัน และการเข้าห้องน้ำ

   เวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟัง พ่อแม่ควรตั้งคำถามง่าย ๆ และพูดเชื่อมโยงภาพหรือเนื้อหาในหนังสือกับสิ่งใกล้ตัวลูก เช่น “ดูสิ รูปถ้วยน้ำสีแดง รองเท้าของลูกก็สีแดง แล้วแอปเปิลล่ะ สีอะไรเอ่ย” เพื่อลูกจะได้เรียนรู้เรื่องการเชื่อมโยง ความเหมือน ความต่าง และพัฒนาทักษะการคิดต่อไป


4-6 ขวบ
   ช่วงวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่โลกใบเล็กของลูกขยายกว้างจากรั้วบ้านออกไปสู่สังคมภายนอกช่วงวัย 4 - 6 ปี ยังเป็นวัย “อนุบาล” จึงต้องการการพัฒนาทักษะที่หลากหลายมากขึ้นเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริงแล้ว

   นอกจากการส่งเสริมประสบการณ์ในบ้านที่พ่อแม่สามารถใช้กิจวัตรประจำวันเป็นช่องทางในการสอนด้วยท่าทีที่ดีผ่านการพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ลูกไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกสอนอยู่ พ่อแม่ยังต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกมีทักษะในการช่วยเหลือตนเองมากขึ้น เพื่อจะใช้ชีวิตในสังคมโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

   หนังสือสำหรับลูกวัยนี้ต้องมีรูปเล่มดี ภาพประกอบสวย สีสันสดใส เนื้อหาหรือเรื่องราวต้องทำให้ลูกเกิดอารมณ์ร่วมเพราะกระทบความรู้สึกนึกคิดบางอย่างหรือเชื่อมโยงกับการเรียนรู้รอบ ๆ ตัว ต้องเขียนด้วยภาษาสละสลวย ไพเราะ คำคล้องจองที่อ่านอย่างมีจังหวะนั้นยังเหมาะสำหรับลูกวัยนี้อยู่มาก ที่สำคัญคือ เนื้อเรื่องต้องพิมพ์ด้วยตัวอักษรที่ใหญ่ ชัดเจน ไม่เล่นหัวหรือไร้หาง เพื่อลูกจะได้จำรูปแบบตัวอักษรรูปแบบคำ และรูปแบบประโยคอย่างถูกต้อง เนื้อหาเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การมีวินัย ส่งเสริม IQ EQ MQ ฯลฯ เนื้อเรื่องไม่ควรยาวเกิน 4-5 บรรทัดต่อหน้ากระดาษ


6 ขวบขึ้นไป
   วัยนี้ก็คือเด็กวัยประถมนั่นเอง เด็กวัยนี้เริ่มอ่านหนังสือได้เองแล้ว และมีช่วงความสนใจนานขึ้น ดังนั้น หนังสือที่เด็กๆ ในวัยนี้จะเริ่มให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ หนังสือที่เกี่ยวกับความรู้รอบตัวนั่นเอง เช่น ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โลกใต้ทะเล อวกาศ ฯลฯ

   และเนื่องจากว่าเด็กๆ ในวัยนี้ก็จะเริ่มอ่านหนังสือเองได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าได้น้อยใจไป หากเขาจะเริ่มอยากอ่านหนังสือคนเดียวมากขึ้นโดยที่ไม่ให้เราช่วย

ข้อมูล : รูปแบบการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในเด็กอายุ 1-3 ปี โดยพ่อแม่ และผู้เลี้ยงดูเด็ก โดย สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

ที่มาhttps://www.planforkids.com/index.php

ความคิดเห็น